สอนลูกอย่างไร ให้เอาตัวรอดอย่างปลอดภัยเมื่อติดอยู่ในรถ

เด็กติดอยู่ในรถเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ดูข่าวจนต้องระแวดระวังไปตาม ๆ กัน ซึ่งการระวังก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่ แต่อาจจะยังไม่พอ เพราะถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกหัดให้เจ้าตัวเล็กได้เรียนรู้วิธีการช่วยเหลือตนเองจากอุบัติเหตุด้วยเช่นกัน เพื่อรับมือได้ทันการณ์ DirectAsia แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ใจเย็น ๆ และค่อยเป็นค่อยไป ด้วยวิธีการสอนที่หลากหลาย ดังนี้
3 วิธีสอนลูกเอาตัวรอดเมื่อเด็กติดอยู่ในรถ
-
สอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเมื่อติดในห้องโดยสารรถยนต์
วิธีแรกที่ DirectAsia อยากแนะนำผู้ปกครอง คือการสอนให้ลูกใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารให้เป็นเสียก่อน เนื่องจากฟังก์ชันต่าง ๆ เหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยชั้นดีสำหรับการเอาตัวรอดเมื่อลูกคุณติดอยู่บนรถเพียงลำพัง
- แตรรถยนต์
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนวิธีการใช้งานแตรรถยนต์ว่าทำงานอย่างไร หลังจากกดแล้วคนภายนอกจะได้ยิน และควรกดย้ำ ๆ หรือลากยาวเพื่อแสดงถึงความผิดปกติ ในขณะอธิบาย คุณควรให้เด็กได้ลองกดเองด้วย แถมวิธีนี้ยังใช้ได้กับรถยนต์ทุกคันแม้กุญแจจะถูกดึงออกก็ตาม
- ล็อก-ปลดล็อกประตูรถยนต์
ปลูกฝังให้เด็กรู้จักขึ้นรถแล้วให้กดล็อกประตู จะลงจากรถก็ให้ปลดล็อก โดยการพูดบ่อย ๆ ไปพร้อมกับการให้ปฏิบัติเองบ้างบางครั้ง เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ว่า เขาสามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้ และการใช้งานจริงจะทำให้เขาคุ้นชินกับอุปกรณ์มากขึ้น หากในกรณีรถยนต์ของคุณมีระบบ Child Lock คุณอาจต้องสอนเด็กเพิ่มเติมด้วยว่าให้ไปใช้ประตูบานอื่นแทน
- เปิด-ปิดประตูรถยนต์
นอกจากสอนล็อก-ปลดล็อกแล้ว คุณควรจะสอนวิธีการเปิดประตูรถยนต์ด้วยเช่นกัน ให้เขารู้ว่าควรเปิด-ปิดประตูเมื่อไร ซึ่งเด็กอายุ 3-4 ขวบ พอจะมีแรงในการเปิดประตูบ้างแล้ว การสอนให้เขาทำด้วยตนเองก็จะช่วยให้เขาฝึกช่วยเหลือตนเองไปด้วย
- เปิด-ปิดกระจกรถยนต์
รถยนต์ที่ไม่ได้เปิดกระจกไว้ อาจทำให้เด็กขาดอากาศหายใจ และเป็นอัตรายถึงชีวิตได้ ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกให้เด็กรู้จักหมุนเปิด-ปิดกระจก หรือกดปุ่มเปิด-ปิดกระจก เพื่อให้ภายในรถมีอากาศถ่ายเทสะดวก แต่วิธีนี้สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีกุญแจค้างอยู่เท่านั้น เว้นแต่ว่ากระจกรถยนต์จะเป็นแบบหมุน
- เปิด-ปิดไฟฉุกเฉิน
อีกหนึ่งจุดที่ทำให้รถยนต์เป็นจุดสังเกตได้โดยง่าย ด้วยการสอนให้เด็กรู้จักกับสัญลักษณ์ไฟฉุกเฉิน และบอกวิธีการใช้งานว่าควรเปิดตอนไหน วิธีนี้ง่าย และเป็นวิธีที่รถทุกคันสามารถทำได้ แม้กุญแจจะถูกถอดก็ตาม
- เครื่องมือฉุกเฉิน
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่พกพาไปด้วยอยู่แล้ว อาจเป็นตัวช่วยให้เด็กสามารถใช้งานได้ เช่น ไฟฉาย ป้ายสัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือเครื่องส่งสัญญาณเตือนภัยแบบพกพา โดยสอนให้เขารู้จักวิธี และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ทั้งนี้การสอนให้เด็กรู้จักตำแหน่งที่จัดเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ จะช่วยให้เขารู้ว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ควรหาอุปกรณ์กู้ภัยจากที่ใด
-
การติดต่อพ่อแม่เมื่อติดในรถ
สอนให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตัวเองในกรณีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดหลงกับพ่อแม่ รวมถึงการติดอยู่ในรถยนต์คนเดียว ด้วยการให้เด็กพกอุปกรณ์ที่ช่วยติดต่อพ่อแม่ได้อย่างสะดวกสบาย เช่น สมาร์ทวอทช์ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยสอนให้เด็กกดปุ่มโทรฉุกเฉิน หรือการโทรออกที่ไม่ซับซ้อน เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้ และทำได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ควรให้เด็กพกกระดาษที่มีชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองติดตัวไว้ ก็อาจช่วยให้ผู้พบเห็นสามารถช่วยเหลือ แต่ติดตามหาผู้ปกครองได้
-
ซ้อมจัดสถานการณ์เสมือนจริง
เมื่อสอนเด็กใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวแล้ว ก็ควรให้ทดลองทำจริงด้วยตนเองเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เด็กสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฉุกเฉินได้ ซึ่งการจำลองสถานการณ์ พ่อแม่ควรดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้อาจต้องปรึกษาผู้รู้ และไม่ควรเคร่งครัดจนทำให้เด็กหวาดกลัว
ตัวช่วยสอนลูก! สนุกและจดจำไปพร้อมกัน
-
นิทานที่มีภาพ หรือมีเสียง
คุณสามารถเริ่มสอนเด็กได้ตั้งแต่ 18 เดือนขึ้นไป เนื่องจากเด็กวัยนี้มีพัฒนาการทางสติปัญญา และภาษา ด้วยการแสดงความสนใจเมื่อเล่านิทานให้ฟัง ได้มองภาพตาม โดยเริ่มเล่าไปพร้อม ๆ กับการถาม-ตอบ ด้วยข้อความที่เข้าใจง่าย ๆ เช่น ทำได้หรือไม่ได้ ใช่หรือไม่ใช่ อาจช่วยให้เด็กได้ทบทวนสิ่งที่ได้ยิน และได้เห็นจากนิทาน
-
การ์ตูนหรือสื่อความรู้
คุณอาจเปิดการ์ตูน หรือสื่อความรู้ จากช่องทางต่าง ๆ เช่น YouTube การ์ตูน หรือสื่อความรู้ ที่หาได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต ซึ่งสื่อเหล่านี้อาจมีภาพอุปกรณ์หรือสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับของจริง ทำให้เด็กจดจำได้ดี ทั้งนี้ผู้ปกครองควรดูไปพร้อมกับเด็ก และให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ ด้วย
DirectAsia เชื่อว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เกิดเหตุการณ์เสี่ยงตายเกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็กอย่างแน่นอน ฉะนั้นวิธีที่น่าจะได้ผลดีที่สุด อาจจะมาจากการที่ผู้ปกครองเองดูแลลูกอย่างใกล้ชิด รอบคอบ และมีแผนสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเสมอ ทั้งนี้การสอนให้ลูกมีสติในการใช้ชีวิตก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
แต่ต่อให้เกิดเหตุการณ์ลูกติดอยู่ในรถ หรือรถยนต์เกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็อุ่นใจได้เพราะ DirectAsia พร้อมไปช่วยเหลือคุณเสมอ เพียงโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินที่เบอร์ 02-767-7788 เจ้าหน้าที่จะรีบไปช่วยอย่างเร่งด่วนที่สุด!
บทความที่เกี่ยวข้อง
- คาร์ซีท อุปกรณ์ที่ไม่ควรมองข้าม ซื้ออย่างไรให้ถูกต้อง
- สรุปรวม! เคลมประกันรถกับอู่นอกประกันดีหรือไม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
- 5 อันดับอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด พร้อมแนวทางรับมือ
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์ โทร 02-767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+ , ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2 , และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th/