What can we help you with?
แพนิคขับรถได้ไหม รับมืออาการแพนิคอย่างไรเมื่อต้องขับรถ

แพนิคขับรถได้ไหม รับมืออาการแพนิคอย่างไรเมื่อต้องขับรถ
เช็คให้ชัวร์ก่อนจับพวงมาลัย แพนิคขับรถได้ไหม มาหาคำตอบไปพร้อมกับ ‘ไดเร็ค เอเชีย (DirectAsia)’ ตัวจริงเรื่องประกันรถยนต์ เพราะแพนิคถือเป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ที่มีอาการแพนิคมีอาการอย่างไร อาการที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อกิจกรรมที่ทำหรือไม่ การขับรถจะเป็นสิ่งต้องห้ามหรือเปล่า ลองมาพิจารณากันดูจากเนื้อหาดี ๆ ที่เรานำมาฝากคุณในครั้งนี้กัน
อาการแพนิคคืออะไร
โรคแพนิค (Panic Disorder) ถือเป็นโรคจิตเวช เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานมากผิดปกติ อาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยพบเจอกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง หรือส่งต่อทางพันธุกรรม ผู้ที่เป็นแพนิคจะมีอาการตื่นตระหนก ตกใจสุดขีดแบบฉันพลัน หลังจากนั้นจะแสดงออกทางร่างกายเป็นอาการแน่นหน้าอก ใจสั่น หายใจไม่ออกหรือหายใจไม่ทัน ไปจนถึงมือ เท้า หรือปากชา หรือที่เรียกว่า Panic Attack โดยไม่จำเป็นต้องมีสิ่งเร้ามากระตุ้นและไม่มีสัญญาณเตือน แต่อาการแพนิคก็กำเริบขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เช่น ขณะขับรถ เดินทางอยู่ริมถนน หรือระหว่างอยู่ในลิฟต์ ระยะเวลาในการเกิดอาการแพนิคจะอยู่ระหว่าง 2 - 3 นาทีเท่านั้น แต่อาการที่แสดงออกทางร่างกาย เช่น รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก หน้ามืด ใจสั่น จะค่อย ๆ ทุเลาลงเองเมื่อผ่านไปสักพัก ทำให้ผู้ที่มีอาการรู้สึกกลัวว่าอาการนี้จะกำเริบขึ้นมาเมื่อไร เพราะยังไม่มีข้อมูลมายืนยันว่าอาการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีวิธีแก้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นคืออาการแพนิคจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรง เพราะหากผู้ป่วยมีอาการในลิฟต์ ในรถ หรือที่ทำงาน อาจทำให้รู้สึกว่ากลัว ไม่อยากไป หรืออยากเลี่ยงการต้องใช้เวลาในสถานที่เหล่านั้น เพราะกลัวว่าอาการจะกำเริบขึ้นมาอีก ในผู้ป่วยบางคนอาจหาทางออกด้วยการใช้แอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดบางประเภท เช่น กัญชา มาช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เพราะทำให้ผู้ที่มีอาการแพนิครู้สึกสงบลงเมื่อได้รับสารเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย ซึ่งอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก ควรจะไปปรึกษาแพทย์มากกว่า โดยเริ่มจากการวินิจฉัยโรคทางร่างกายอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น กรดไหลย้อน ไทรอยด์เป็นพิษ ตรวจน้ำตาล เพื่อให้แน่ใจว่าอาการแพนิคที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคอื่นเป็นแพนิคขับรถได้ไหม
จากลักษณะอาการแพนิคที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ซึ่งกินระยะเวลานานร่วม 20 นาที กว่าอาการจะหายไป จึงแนะนำว่าผู้ที่มีอาการแพนิคมาก่อนควรหลีกเลี่ยงการขับรถจะดีกว่า เพราะอาการนี้ไม่มีสัญญาณเตือนก่อนเกิด ทำให้เราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร หากเกิดขึ้นขณะขับรถอาจทำให้ผู้ขับขี่เสียการควบคุมได้วิธีรับมือเมื่ออาการแพนิคกำเริบ
แม้ว่าอาการแพนิคจะสามารถบรรเทาลงได้เองหลังจากเกิดขึ้นแล้ว แต่เราควรรู้จักวิธีการรับมือเบื้องต้น กันไว้ด้วย โดยมีวิธีหลัก ๆ 3 วิธี ดังนี้- พยายามตั้งสติ รู้เท่าทันว่าเริ่มเกิดอาการอะไรกับร่างกายของเรา
- หายใจเข้าและออกช้า ๆ และโฟกัสอยู่กับลมหายใจ
- พยายามบอกตัวเองว่าอาการแพนิคเป็นเพียงอาการชั่วคราว อาการจะเบาลงไปเอง

