What can we help you with?
สิ่งที่ควรเปลี่ยนเมื่อซื้อ รถยนต์มือสอง มาขับ?

1. ระบบของเหลว
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย, น้ำมันเบรก, น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำ ฯลฯ ควรรีบจัดการเปลี่ยนทันที เพราะเราไม่รู้ว่าสภาพรถยนต์มือสองที่ได้มาพร้อมใช้งานมากน้อยขนาดไหน แนะนำว่าควรจะเปลี่ยนในทันทีหลังจากรับรถ เพื่อความสบายใจ และความปลอดภัยของเราในอนาคต2. น้ำมันเครื่อง
หากว่าเราไม่ทราบถึงอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องที่ติดมากับรถว่าใช้มากี่วัน กี่เดือนแล้ว สิ่งแรกที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งคือการตรวจสอบระดับของน้ำมันเครื่อง เริ่มที่การ “ชักก้านวัด” ดูว่ามีระดับที่เพียงพอหรือไม่ ถ้าระดับน้ำมันเครื่องหายไปจนต่ำกว่าเกินที่ควรจะเป็น อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับเครื่องยนต์ได้ หลังจากนั้นให้เช็คดูสีของน้ำมันเครื่อง ถ้ามี “สีใส” แสดงว่าเพิ่งเปลี่ยนมาได้ไม่นาน แต่ถ้ามี “สีดำ” เมื่อไหร่ แสดงว่ามีการใช้งานมานาน ควรเปลี่ยนทันทีค่ะ หรือเพื่อความสบายใจเราสามารถเข้าศูนย์หรืออู่ที่ไว้วางใจเพื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ได้ทันที เราจะได้ทราบกำหนดการเปลี่ยนน้ำน้ำมันเครื่องในครั้งต่อไปได้เอง3. น้ำมันเบรก
ตามปกติแล้วน้ำมันเบรกควรเปลี่ยนปีละครั้ง สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ กระปุกน้ำมันเบรกเป็นกล่องพลาสติกใส สามารถดูได้เลยว่าระดับน้ำมันเหลืออยู่แค่ไหน ถ้ากระปุกสกปรกจนมองไม่เห็นข้างใน ก็ให้เปิดฝากระปุกดู ถ้าน้ำมันเบรกหมดอายุและเสื่อมสภาพจะเป็นสีดำ หมายความว่าประสิทธิภาพในการส่งแรงดันของน้ำมันเบรก (Hydraulic) จะลดลงอย่างมาก ในกรณีที่เรามีการเหยียบเบรกถี่มากหรือบ่อยครั้ง น้ำมันเบรกที่เสื่อมสภาพแล้วจะไม่อาจทนความร้อนได้เหมือนเดิม ทำให้ “เบรกไม่อยู่” ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากในเวลาขับขี่รถยนต์ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมาก4. น้ำมันเกียร์
ไม่ว่าจะเป็นรถเกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดา จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการหล่อลื่น โดยปกติผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เมื่อรถวิ่งได้ 20,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ขับขี่ด้วยว่าหนัก-เบาแค่ไหน? ถ้าเป็นรถที่ใช้งานค่อนข้างหนักและบ่อยมาก ก็อาจจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ 6 เดือน สำหรับวิธีเช็คน้ำมันเกียร์ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดาจะดูยากกว่าเกียร์ออโต้ แนะนำว่าให้เปลี่ยนทันทีที่ได้รับรถเลยดีกว่า แต่ถ้าเป็นรถเกียร์ออโต้ จะมีก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ ให้ดึงขึ้นมาดูจะมีขีด Cold และ Hot สามารถดูระดับของน้ำมันได้ทั้งตอนเครื่องร้อนและเย็น อย่าลืม! สังเกตสีของน้ำมันเกียร์ทุกครั้ง หากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำเมื่อไหร่ ให้รีบเปลี่ยนใหม่ทันทีค่ะ
5. น้ำมันเฟืองท้าย
แนะนำให้เปลี่ยนถ่ายพร้อมกับน้ำมันอื่นๆ ทีเดียวเลย เพราะเราอาจไม่รู้ว่าเจ้าของรถคนก่อนมีการเปลี่ยนถ่ายมาก่อนหน้านี้หรือไม่ สำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) “กระเปาะเฟืองท้าย” จะแยกต่างหากจากตัวเกียร์ ยิ่งถ้าเป็นรถที่ถูกใช้งานหนักควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้าย เนื่องจากรถระบบ 4WD มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแพงกว่าค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันซะอีกค่ะ ส่วนรถที่ขับเคลื่อนล้อหน้า เฟืองท้ายจะอยู่ติดกับชุดเกียร์ โดยจะใช้น้ำมันหล่อลื่นร่วมกับเกียร์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนพร้อมกันได้เลยค่ะ6. น้ำในระบบหล่อเย็น
พร้อมน้ำยาหม้อน้ำ ดูที่ “ถังพักน้ำ” จะเป็นพลาสติกใส มองเห็นระดับน้ำได้อย่างชัดเจน ปกติน้ำจะมีสีของ “น้ำยาหล่อเย็น” หรือ “น้ำยาหม้อน้ำ” หรือ “น้ำยาคูลแลนท์” (Coolant) ปนอยู่ ซึ่งสีของน้ำยาจะเป็นสีอะไรก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถและยี่ห้อน้ำยา โดยลักษณะของสีน้ำและน้ำยาจะต้องดูสดใสไม่เป็นสีดำ เวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ ให้เติมน้ำพร้อมน้ำยาหม้อน้ำอันใหม่ไปพร้อมกัน และควรเติมให้ตรงกับยี่ห้อรถ ซึ่งจะทำให้รถยนต์สามารถทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดค่ะ7. อะไหล่ต่าง ๆ
เนื่องจากเป็นรถยนต์มือสองถือเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว อะไหล่ส่วนต่างๆ ย่อมจะมีการเสื่อมสภาพไปบ้าง เพื่อเป็นการปกป้องและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ แนะนำว่าควรเปลี่ยนอะไหล่ใหม่จะดีกว่าค่ะ8. แบตเตอรี่
บางทีรถยนต์มือสองอาจเจอปัญหารถสตาร์ทติดยาก หรือสตาร์ทไม่ติด ซึ่งอาจมีสาเหตุอาจเกิดจากการที่รถไม่ค่อยได้ใช้งาน หรืออาจถูกจอดทิ้งไว้นิ่งๆ เป็นเวลานาน ทำให้ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ส่วนต่างๆ เสื่อมสภาพ ดังนั้น ก่อนที่นำรถออกใช้งาน ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถขับขี่และใช้งานได้อย่างสบายใจไร้กังวล และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในอนาคตอีกด้วย